ปัจจุบันมีการพัฒนานำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากเกินสมดุล จนก่อให้เกิดปัญหาระดับน้ำบาดาลลดลงอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากระดับน้ำบาดาลในบ่อน้ำบาดาลที่ใช้งานจะอยู่ลึกกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งยังส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการสูบน้ำที่สูงขึ้นด้วย

สาเหตุของปัญหาระดับน้ำบาดาลดลงอย่างต่อเนื่องมาจากความต้องการในการใช้น้ำ ทั้งจากการเกษตร การอุปโภคบริโภค การพัฒนาพื้นที่เป็นชุมชนเมืองที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของประชากรที่มากขึ้น โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการตัดไม้ทำลายป่า ที่ส่งผลทำให้พื้นที่ป่าไม้ซึ่งทำหน้าที่รับน้ำลดลง

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วงเวลาแห้งแล้งที่ยาวนานขึ้น ฝนตกในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้น้ำไม่มากพอที่จะซึมลงสู่ใต้ดิน ในช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำฝนไหลเติมลงสู่ชั้นใต้ดินได้น้อย ทำให้การคืนตัวของระดับน้ำบาดาลมีอัตราที่ต่ำ ดังนั้นการกักเก็บน้ำฝนโดยการผันน้ำลงไปกักเก็บไว้ได้ดินและพัฒนาน้ำบาดาลสูบกลับมาใช้ในช่วงฤดูแล้งหรือยามขาดแคลน จึงเป็นการบรรเทาและแก้ปัญหาการลดลงของระดับน้ำบาดาลและปัญหาภัยแล้งได้ในระยะยาว

วิธีการแก้ปัญหาทำได้ด้วยการ การเติมน้ำใต้ดิน (Managed Aquifer Recharge, MAR) เป็นการเติมน้ำลงไปกักเก็บไว้ในชั้นน้ำใต้ดิน เพื่อรักษาสมดุลน้ำบาดาล ซึ่งน้ำจะกักเก็บไว้ในชั้นตะกอนกรวด ทราย หินผุไว้ โดยสามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในช่วงเวลาที่ขาดแคลน น้ำที่นำมาเติมนี้นำมาจาก แม่น้ำ น้ำไหลหลาก หรือน้ำจากอ่างเก็บน้ำ

ประโยชน์ของการเติมน้ำใต้ดินมีหลากหลาย ทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดินในพื้นที่บริเวณนั้น ช่วยให้ระดับน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น บรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำใต้ดินขึ้น มาใช้ และยังช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้นก่อนนำไปใช้ได้อีกด้วย

รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น สามารถสอบถามได้ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล หรือดาวน์โหลด คู่มือการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น https://projectinfo.online/GroundWater