UNFPA ประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลอง Bangkok Pride 2025 ส่งเสริมความรัก ความเท่าเทียม และการมองเห็นตัวตน พร้อมเน้นย้ำสิทธิในการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศตามกฎหมาย
กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจ (Pride Month) ปีนี้ ด้วยการร่วมงาน Bangkok Pride 2025 และร่วมจัดกิจกรรม Pride Talk เพื่อเน้นย้ำพันธกิจที่มั่นคงต่อความเท่าเทียมทางเพศ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และสิทธิมนุษยชน โดยร่วมมือกับคณะทำงานของสหประชาชาติประจำประเทศไทย ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน รวมทั้งรัฐบาล และมีความภูมิใจที่ได้ยืนหยัดเคียงข้างชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศภายใต้ธีมระดับโลก “Born This Way”
การเฉลิมฉลอง Pride ปีนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยในการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้สิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกับประชาชน นอกจากนี้ภายในงานยังมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ World Pride 2030 โดยงาน Bangkok Pride Parade 2025 นั้นถือเป็นหนึ่งในงาน Pride ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน รวมทั้งแรงสนับสนุนที่เพิ่มพูนขึ้นในภูมิภาคนี้ต่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและการยอมรับ
นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เราไม่ได้ฉลองแค่กฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่ยังเฉลิมฉลองความรัก ความกล้าหาญ และความเข้มแข็งของชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย กฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นความก้าวหน้าที่ลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่จุดหมายสุดท้าย เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะบุคคลข้ามเพศ non-binary และ intersex ซึ่งยังขาดการรับรองและการคุ้มครองตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ขบวนพาเหรด Pride ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 มีระยะทาง 2 กิโลเมตร จากสนามกีฬาแห่งชาติถึงเซ็นทรัลเวิลด์ โดยคาดว่าจะเป็นขบวนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน รวมถึงคณะรัฐมนตรี คณะทูต ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป โดยผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทยเป็นผู้นำคณะหัวหน้าหน่วยงาน UN และเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน พร้อมด้วยสมาชิกจากสถานทูตสวีเดน แคนาดา กลุ่มประเทศนอร์ดิก รวมทั้งคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย การปรากฏตัวของสหประชาชาตินั้นแสดงถึงการสนับสนุนร่วมกันต่อความเท่าเทียม สิทธิ และการเปิดพื้นที่สานเสวนาในยุคที่โลกเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านพหุภาคีนิยมและการอยู่ร่วมกันในสังคม
UNFPA เราเชื่อว่า สิทธิสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ การมีสิทธิในร่างกายตนเอง และเสรีภาพในการนิยามอัตลักษณ์ทางเพศ เป็นพื้นฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราสนับสนุนกฎหมายและนโยบายที่คุ้มครองสิทธิของทุกกลุ่ม ทุกเพศและทุกวัย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร หรือรักใคร และเราขอยืนยันว่าความหลากหลายไม่ใช่อุปสรรค แต่คือพลังที่ควรได้รับการเฉลิมฉลอง
นางสาวสิริลักษณ์ กล่าวต่อว่า UNFPA ประเทศไทย ยังร่วมกับ UNDP, UN Women และสยามเซ็นเตอร์ จัดกิจกรรม Pride Talk ในวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ณ ลานเอเทรียม สยามเซ็นเตอร์ โดยเวทีเสวนาชื่อว่า “Born Bold: Celebrating Identity” – เฉลิมฉลองทุกอัตลักษณ์ เปิดพื้นที่ให้เสียงจากชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ถ่ายทอดประสบการณ์และจินตนาการถึงอนาคตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีการอภิปรายประเด็นสำคัญ อาทิ การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ ความจำเป็นของพื้นที่ปลอดภัย และความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้และการยอมรับจากสาธารณชน
ร่างพระราชบัญญัติรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของประเทศไทยเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยลดช่องว่างทางกฎหมายสำหรับผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศตามกฎหมายไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียม
นางสาวสิริลักษณ์ กล่าวด้วยว่า กิจกรรม Pride Talk ผสมผสานการเล่าเรื่องส่วนตัว วัฒนธรรมสมัยนิยม และการสะท้อนสังคม เพื่อดึงดูดเยาวชนให้มีส่วนร่วมในฐานะพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต สิทธิทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ โดยเวทีนี้มุ่งหมายที่ยกระดับความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่ครอบคลุม เน้นย้ำปัญหาที่กลุ่มเปราะบางต้องเผชิญ และสร้างพื้นที่สานเสวนาบนพื้นฐานของศักดิ์ศรี ความปลอดภัย และความเคารพซึ่งกันและกัน
“เดือนแห่งความภาคภูมิใจไม่เพียงเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นเวลาของการทบทวน และการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เราร่วมเปล่งเสียงแห่งความภาคภูมิใจ เราก็ต้องยกระดับความตระหนักรู้เกี่ยวกับงานที่ยังคงต้องทำต่อไป กฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่จิตใจ ความคิด และระบบทั้งหลายก็ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เราต้องการการมีส่วนร่วมของสาธารณชน การให้ความรู้ และความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน” นางสาวสิริลักษณ์ เน้นย้ำ
“กิจกรรมในเดือนแห่งการเฉลิมฉลองของ UNFPA เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 5 ด้านความเท่าเทียมทางเพศ และเป้าหมายที่ 10 ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งยังสอดคล้องกับการประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยประชากรและการพัฒนา (ICPD) ซึ่งยังคงกำหนดทิศทางลำดับความสำคัญระดับโลกในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชน
จากกรุงเทพมหานครสู่โลกใบใหญ่ ขอให้ Pride เป็นสัญลักษณ์ที่เตือนใจว่า ความก้าวหน้าที่แท้จริงคือการคุ้มครองสิทธิของทุกคนให้มีชีวิตอย่างเสรี รักได้อย่างเต็มที่ และได้รับการรับรองในตัวตนที่พวกเขาเป็นโดยกฎหมาย ขอให้เดือนแห่งความภาคภูมิใจนี้จุดประกายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และแรงผลักดันอย่างต่อเนื่องสู่อนาคตที่ทุกกล่ม ทุกเพศและทุกวัยได้รับการปฏิบัติด้วยศักดิ์ศรีและความเคารพ” นางสาวสิริลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย