สภาพอากาศที่ร้อนจัดในปัจจุบัน ไม่เพียงก่อปัญหาเรื่องผิ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง แพทย์หญิงนิโลบล เจริญวุฒิ แนะนำวิธีการดูแลตัวเองจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดว่า ‘สภาพอากาศในปัจจุบันที่ความร้อนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอก ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่น และสามารถก่อให้เกิดโรคลมแดด หรือ Heatstroke โดยเฉพาะคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน หากอุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียส จะมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท และอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวจนทำให้เสียชีวิตได้
สำหรับคนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องมีการเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยพยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อปกป้องร่างกายไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ หรือ Dehydrated นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมทั้งฟิตร่างกายให้แข็งแรงอยู่ในสภาวะพร้อมอยู่เสมอกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญแสงแดดและความร้อนอยู่ทั้งวัน นอกจากนี้แสงแดดและความร้อนยังส่งผลกระทบต่อผิวพรรณของเราด้วย เพราะความร้อนสามารถทำให้ผิวขาดความชุ่มรวมถึงความหมองคล้ำได้ ยิ่งสภาพอากาศที่ร้อนในปัจจุบันทำให้คนต้องหลบวิ่งเข้าห้องแอร์ ผิวจึงปรับตัวไม่ทันตามสภาวะอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ทำให้สภาพผิวหน้ามีทั้งความแห้งและความมันผสมกัน ทำให้เกราะปกป้องผิวหน้า (Skin Barrier) อ่อนแอ นำมาซึ่งปัญหาผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin) ส่งผลให้ผิวเกิดปัญหาผิวอักเสบ แพ้ง่าย ผดผื่น ความหมองคล้ำ รวมถึงการเกิดสิวตามมาได้
ส่วนการดูแลและปกป้องผิวจากปัญหาผิวขาดน้ำ คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนจัดและเย็นจัดสลับกัน ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวันสามารถคำนวณได้จาก น้ำหนักตัว (ก.ก.) / 2 x2.2 x 30 = ……ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) ตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม การคำนวณคือ 50/2 x 2.2 x 30 = 1,650 ซีซี หรือประมาณ 6 – 7 แก้วสิ่งที่ขาดไม่เลยคือ อย่าลืมทาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกชนิดที่ไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน และไม่อุดตันรูขุมขน และมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ เพราะพื้นฐานผิวที่ดี คือ ผิวที่มีความชุ่มชื้น นอกจานี้ควรทาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นประจำด้วย’
ขอบคุณข้อมูล จากแบรนด์ ‘ธัญ’ (THANN)