กระทรวงพาณิชย์ ผนึก เซเว่นฯ เปิดช่องทางจำหน่าย! สร้างโอกาสเกษตรกรไทย
ดันผลผลิตทางการเกษตร ‘200 ล้านชิ้น’ สู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ

กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดโอกาส ทองให้เกษตรกรไทย ขยายช่องทางจำหน่ายผลผลิตผ่านร้านเซเว่นฯ ครอบคลุมกว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศพร้อม ส่งเสริมเกษตรกรกว่า 1,500 ราย จาก 47 จังหวัด ก้าวสู่ช่องทาง Modern Trade โดยปี 2568 (ข้อมูล ณ ต.ค.) รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรรวมกว่า 200 ล้านชิ้น สร้างรายได้มั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฐานรากอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ ‘3 ให้’ ที่ไม่ได้แค่ให้ช่องทางขาย แต่ยังให้ความรู้และให้การเชื่อมโยงเครือข่าย

ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการดูแลเสถียรภาพราคา สินค้าเกษตรและการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถแข่งขันได้ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้เกษตรกร ปรับตัวสู่ช่องทางการตลาดที่หลากหลายและมีรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งการจำหน่ายผลผลิตให้แก่ Modern Trade ซึ่งไม่ใช่แค่การปลูกและเก็บเกี่ยวเหมือนในอดีต แต่ต้องมีการพัฒนาไปสู่การผลิตที่มีมาตรฐาน การจัดการหลังการ เก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพ การแปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับภาคธุรกิจ อำนวยความสะดวกในการสร้างเครือข่ายการค้า และส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน การผนึกกำลังร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการ “ขยายโอกาส” และ “เพิ่มมูลค่า” ให้สินค้าเกษตรไทย เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากยังประสบปัญหาตลาดรองรับไม่แน่นอน และขาดข้อมูลในการบริหาร จัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์จึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน ที่มีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีก เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงช่องทาง Modern Trade ที่มีการรับซื้อสม่ำเสมอ มีมาตรฐานชัดเจน และมีระบบการจ่ายเงินที่โปร่งใสและตรงเวลา ช่วยให้เกษตรกร วางแผนการผลิตได้เป็นระบบมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับซีพี ออลล์ สร้างช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย ผ่านร้านเซเว่นฯ กว่า 15,000 สาขา และช่องทางออนไลน์ ช่วยให้ผลผลิตเข้าถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึง พร้อมถ่ายทอดความรู้ด้านมาตรฐานสินค้า การบรรจุภัณฑ์ และการจัดการโลจิสติกส์ เสริมศักยภาพเกษตรกร เพิ่มรายได้ และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ด้านนายทัพพ์เทพ จีระอดิศวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้านโยบาย “สร้างอาชีพ” ส่งเสริมเกษตรกรและผู้ประกอบการ SME มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “SME โตไกลไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” โดยยึดกลยุทธ์ “3 ให้” คือ ให้ช่องทางจำหน่าย ให้ความรู้ และให้การเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง All Online และ 7 Delivery ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภค ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนกลับคืนสู่ท้องถิ่น และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“ที่ผ่านมา เซเว่นฯ รับซื้อผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ทั้ง กล้วย ส้ม มังคุด ลำไย ลองกอง แตงโม มะละกอ ส้มโอ และผลไม้ตามฤดูกาลอื่น ๆ จากเกษตรกรจำนวนกว่า 1,500 ราย จาก 47 จังหวัดทั่วประเทศ โดยปี 2568 รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ รวมกว่า 200 ล้านชิ้น ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผลผลิตมีช่องทางจำหน่ายต่อเนื่อง แต่ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอนมากขึ้น นอกจากนี้ เซเว่นฯ ยังทำงานร่วมกับคู่ค้าและผู้ประกอบการ รายย่อยในการนำผลผลิตทางการเกษตรไปต่อยอดมูลค่า เช่น การพัฒนาเป็นขนมหวานและสินค้าแปรรูปโดย SME ไทย ช่วยให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นเติบโตขึ้น และทำให้ผลไม้ไทยมีโอกาสสร้างมูลค่าได้มากกว่าการขายเป็นผลสดเพียงอย่างเดียว” นายทัพพ์เทพ กล่าว

เพื่อขยายผลการสนับสนุนเกษตรกรและต่อยอดผลผลิต เซเว่นฯ จึงร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ขยายช่องทางจำหน่าย
ผลผลิตทางการเกษตร การจับมือครั้งนี้จึงยกระดับความร่วมมือ โดยมุ่งสร้างความมั่นคงด้านช่องทางจำหน่าย
และสร้างอาชีพให้เกษตรกรทั่วประเทศ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรคุณภาพจากแหล่งผลิตได้สะดวก
ผ่านร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ ทำให้รายได้หมุนกลับคืนสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

นายทัพพ์เทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเกษตรกรมีตลาดที่แน่นอน จะสามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตรวดเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณภักดี ภักดิ์วิภาวรกุล เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองจาก จ.ตาก ที่ส่งผลผลิตให้เซเว่นฯ ต่อเนื่อง และอยู่ในกลุ่มเกษตรกรที่พัฒนาสินค้าร่วมกัน จากเดิมที่ต้องเผชิญความเสี่ยงเรื่องปริมาณ
และราคาการรับซื้อ ก็สามารถปลูกอย่างเป็นระบบ ขยายพื้นที่เพาะปลูก และเพิ่มจำนวนลูกไร่ลูกสวน เพราะมีความมั่นใจ
ในช่องทางรับซื้อที่สม่ำเสมอ สร้างรายได้ที่แน่นอนให้คนในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ช่องทางจำหน่ายที่มั่นคง” คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากแข็งแรงขึ้น

ด้านนายภักดี ภักดิ์วิภาวรกุล เจ้าของสวนกล้วยหอมทอง เกษตรกรและ SME ที่มีโอกาสได้ร่วมพัฒนากับทางเซเว่นฯ เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงว่า ก่อนหน้านี้ การปลูกกล้วยต้องเผชิญความไม่แน่นอนทั้งปริมาณและราคาขาย ต้องส่งตลาดค้าส่ง
ในอำเภอ ทำให้ธุรกิจไม่มั่นคง ต้นทุนสูง และไม่สามารถวางแผนผลิตได้ชัดเจน

 

“วันหนึ่งผมเห็นกล้วยหอมทองขายในเซเว่นฯ จึงติดต่อเข้าไปที่ซีพี ออลล์ หลังจากนั้นก็ได้รับคำแนะนำและสนับสนุน ทั้งเรื่องมาตรฐานสินค้า การพัฒนาโรงเรือน การควบคุมการผลิต และการวางจำหน่าย การสนับสนุนจากเซเว่นฯ ช่วยให้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุน ปรับกระบวนการผลิตให้เป็นระบบ และวางแผนธุรกิจได้ดีขึ้น” นายภักดี กล่าว

ปัจจุบันส่งกล้วย 4 สายพันธุ์ให้เซเว่นฯ ทั้งกล้วยหอมทองลูกเดี่ยวและแพ็กคู่ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยเล็บมือนาง ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนคือ ปริมาณการส่งกล้วยหอมทองเติบโตจากวันละ 2,500 ลูก ในช่วงเริ่มต้น มาสู่ 35,000 ลูกต่อวัน
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี การมีช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการเพาะปลูก ขยายพื้นที่และพัฒนาผลผลิต
ให้ได้คุณภาพ พร้อมสร้างโอกาสให้เกษตรกรในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมมีงานทำและสร้างรายได้

นายภักดีทิ้งท้ายว่า การสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยสร้างอาชีพและหมุนเวียนรายได้กลับสู่ท้องถิ่น และอยากให้
เกษตรกรรายอื่นหมั่นพัฒนาตัวเองให้พร้อม มีมาตรฐาน เพื่อเตรียมโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต

ความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และเซเว่น อีเลฟเว่นครั้งนี้ ได้สร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ช่วยให้เกษตรกร
เข้าถึงตลาดรับซื้อที่มั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสทางอาชีพ และกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจ
ฐานรากให้เข้มแข็งและมั่นคง